เพราะผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดได้

เพราะว่าผมไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ผมจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะพูดเรื่องการเลี้ยงลูกกับใครๆ ได้เต็มปากนัก แต่ในฐานะที่ผมเป็นครู…ผมก็พอจะสอนเด็กๆ ได้เท่าที่ผมจะสอนได้นะครับ

การพานักเรียนมาเรียนภาษาและทัศนศึกษาในสิงคโปร์เป็นปีที่สองนี้ ผมได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างจากการคลุกคลีกับนักเรียนตลอด ๒๔ ชั่วโมงเป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์ อยากสะท้อนอะไรให้เพื่อนๆ ในเฟสได้อ่านครับ

๑. เด็กหลายคนโตมากับโซเชียลมีเดีย เขาเรียนรู้หลายอย่างจากสื่อเหล่านั้น ซึ่งบางอย่างก็ถือเป็นนิสัยที่ (อาจจะเป็นผล) ดีได้ในอนาคต เช่น ศึกษาคลิปการเล่นเกมส์แล้วเอามาลองเล่น แต่บางครั้งก็นั่งดูคลิป/ไลฟ์ที่มีแต่คำหยาบคาย…แล้วครูอย่างพวกผมจะไปสอนเด็กให้พูดจาเพราะๆ ได้อย่างไร เพราะบางคนก็พูดมันจนติดปาก พูดออกมาโดยไม่รู้ตัวซ้ำว่าตัวเองสบถคำหยาบออกมา สื่อโทรทัศน์ หนังละคร ก็เต็มไปด้วยคำหยาบ สะท้อนว่าคนในสังคมไม่ได้คิดจะช่วยสร้างสังคมให้ดีเลย…ตัดได้ตัดไปเลยครับโทรทัศน์ก็เช่นกัน

๒. เด็กหลายคนรู้สึกเหมือนเป็นอิสระที่ได้ออกจากอกพ่อแม่ อยากนอนตอนไหนก็นอน ไม่มีวินัยในตนเอง ตื่นไม่ทันคนอื่น ผลก็คือไปเรียนด้วยสภาพไม่พร้อมเรียน ครูฝรั่งยังทักว่าตื่นหรือยัง แล้วที่ไม่นอนทำอะไร…เล่นเกมส์ครับ เป็นหลักเลย ไม่ยอมกินข้าว เพื่อประหยัดเงินไว้เติมเกมส์…ฝึกลูกให้มีวินัยในตนเองก่อนครับ ก่อนที่จะฝึกไม่ได้ และไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นที่อยู่ร่วมกับเขา

๓. สืบเนื่องจากข้อ ๒ นักเรียนได้ถือเงินเองเป็นหมื่นบาท สองหมื่นบาท เมื่อแลกแล้วเป็นเงินราวๆ สี่ร้อย แปดร้อยดอลล่าร์สิงคโปร์ ครูและรุ่นพี่ที่เคยมาได้แชร์ประสบการณ์เรื่องการระมัดระวังในการใช้จ่ายแล้ว พร้อมทั้งยื่นคำขาดว่าจะไม่เป็นธนาคารที่รับโอนเงินให้ กระนั้นก็ยังมีนักเรียนบางคนที่ใช้จ่ายเงินราวกับเป็นเศษกระดาษ ไม่ยอมกินข้าว โดยยอมกินเศษๆ ที่เหลือจากเพื่อน แต่เอาเงินไปเติมเกมส์ สองครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ ๑๒๐ เหรียญ ซื้อของราคา ๓๙ เหรียญ หน้าตาเฉย เงินที่ตัวเองไม่ได้หาเอง…ใช้มันอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้คำนึงเลยว่าอีกหนึ่งสัปดาห์ที่เหลือจะใช้ยังไงให้พอ… สอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ให้เขาช่วยทำงานบ้านบ้าง ทำอะไรแลกเงินบ้าง ไม่ใช่ยื่นให้อย่างเดียว

๔. เด็กหลายคนขาดทักษะในการฟังอย่างรุนแรงมาก สมาธิสั้นจากการอยู่หน้าจอมือถือมากเกินไป เลิกเรียนคิดแต่ว่าจะกลับหอ…กลับไปเล่นมือถือ ไม่อยากออกไปเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมอื่นๆ รอบตัว ขาดทักษะการสังเกต ไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้าง ทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่คิดจะเรียนรู้ ขนาดทำพฤติกรรมให้คนอื่นระบายลมหายใจยาวๆ ใส่ได้นี่ก็ไม่ธรรมดาหรอกครับ… สอนให้เขารักการอ่านบ้าง อย่าหยิบแล้วยื่นแต่มือถือให้ลูกเพียงอย่างเดียว อาจจะลำบากเราที่จะต้องอ่านหนังสือกับลูก แต่เชื่อเถอะว่า ลูกจะไม่สร้างความลำบากให้คนอื่น และไม่เป็นภาระของพ่อแม่ในอนาคต

ได้แต่ฝากกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใกล้ๆ ตัวว่า ฝากเลี้ยงหลานๆ ให้เติบโตขึ้นมาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพด้วยนะ…เพราะเราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสอนคนอื่นเรื่องนี้ได้ ได้แต่มองห่างๆ อย่างเป็นห่วง

เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อน…เหนื่อยมาก เครียดมาก แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เดี๋ยวจะกลับมาเขียนแบบเต็มๆ แล้วกัน

อยากกลับบ้านเหมือนกันนะ…คิดถึงส้มตำ คิดถึงผัดกะเพราะทะเล คิดถึงหมูกระทะ

ครูอั๋น
๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๑
เที่ยงคืนพอดี ณ เวลาที่สิงคโปร์

Advertisement